" มืออาชีพ " เขาเริ่มต้นกันอย่างไร

สวัสดีปีใหม่ 2556 สำหรับนักธุรกิจที่ต้องการความสำเร็จ ผมมีของขวัญมาแนะนำให้ 3 คำนี้ ให้เอาไปใช้ มือ-อา-ชีพ  3 คำ ที่เขียนง่าย แต่ทำยาก หากคุณต้องการทำให้ชีวิตของคุณสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย MLM อย่างมืออาชีพแล้ว และไม่ต้องการเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตา คุณเองก็ควรเรียนรู้วิธีการทำตลาดในแบบที่นักการตลาดมืออาชีพทำกันจริงๆ ผมว่าเรามาคุยกันเรื่องข้อดีที่ควรมีสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นมืออาชีพในธุรกิจเครือข่าย MLM กันดีกว่า เริ่มกันเลยเพราะผมมีเรื่องราวมากมายที่จะบอกให้รู้ถึงคุณลักษณะของนักการตลาดเครือข่าย MLM มืออาชีพให้รู้ ซึ่งคุณอาจจะได้ปฏิบัติมาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำคนใหม่และเป็นตัวอย่างที่ดีของดาวน์ไลน์ เพื่อให้ดาวน์ไลน์ได้ทำตาม คุณควรเริ่มที่จะปฏิบัติให้ได้ทั้งหมด ดังนี้

1. ต้องใช้สินค้าทั้งหมด คุณจะต้องใช้แต่สินค้าของบริษัทของคุณเท่านั้น และจะต้องไม่ซื้อสินค้าของคู่แข่งมาใช้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะการที่ไปซื้อสินค้าอื่นเป็นการไปเพิ่มยอดขายให้ผู้อื่นในขณะเดียวกันก็ลดยอดขายของบริษัทของคุณ ดังนั้นการจะเป็นผู้นำที่ดีจะต้องใช้สินค้าทั้งหมดของบริษัทเท่าที่คุณจะสามารถใช้ได้ และจะต้องรู้ถึงคุณสมบัติสินค้า รวมทั้งจะต้องมีความกระตือลือล้นในการที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่น เพื่อเป็นการสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพของคุณเอง

2. ขยันพัฒนากลุ่มผู้บริโภค ธุรกิจของคุณขับเคลื่อนได้ด้วยยอดขายจากการใช้สินค้าของผู้บริโภคสินค้าของคุณ ยอดขายส่วนใหญ่มาจากยอดขายจากผู้แทนจำหน่ายที่ซื้อสินค้าจากรหัสของตัวเอง แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้สินค้าหรือบริการจากบริษัทของคุณ แต่ยังไม่ได้สร้างเป็นธุรกิจของตัวเอง ณ ขณะนี้ ผู้บริโภคเหล่านี้แหละคือ กลุ่มผู้บริโภคของคุณ มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณจะต้องขยันพัฒนาผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อธุรกิจของคุณจะได้รุ่งโรจน์ต่อไป ดังนั้น คุณต้องคิดแบบนี้...

2.1 คุณกำลังให้การบริการกับผู้บริโภคที่ไม่ใช่ผู้แทนจำหน่าย แต่พวกเขาเหล่านั้นต้องการสินค้าหรือ

      บริการของคุณ

2.2 คุณจะได้รายได้จากการขายปลีก

2.3 พัฒนารายได้ที่มั่นคงมาจากผู้บริโภคปกติ

2.4 การสร้างยอดขายส่วนตัว ซึ่งเป็นยอดขายที่อาจจะช่วยให้คุณได้รับโบนัส มันจะเป็นการดีที่คุณจะ
      สร้างผู้บริโภคปลีกอย่างน้อย 10 รายเมื่อคุณเริ่มธุรกิจของคุณ

3. เสนอแผนธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ ธุรกิจเครือข่าย MLM ก็เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ที่จะต้องมีการปฏิบัติอย่างมีขั้นตอน หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญคือ การนำเสนออย่างสม่ำเสมอ คุณควรที่จะต้องนำเสนอประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์เมื่อเริ่มธุรกิจ (ประมาณ 7-10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)และเมื่อธุรกิจโตขึ้นจนคุณตัดสินใจที่จะทำธุรกิจนี้เต็มเวลา คุณก็ควรเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นประมาณ 5-8 ครั้งต่อสัปดาห์ (ประมาณ 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)ทั้งหมดอาจจะไม่ใช่การนำเสนอกับผู้มุ่งหวังใหม่ส่วนตัวของคุณทั้งหมด อาจจะเป็นการนำเสนอให้กับผู้มุ่งหวังของดาวน์ไลน์เพื่อเป็นการสอนการนำเสนอ หรืออาจจะเป็นการทำงานในแนวลึกให้กับดาวน์ไลน์ของคุณ คุณจะต้องทำการนำเสนออย่างสม่ำเสมอถ้าคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโต อย่าเข้าใจผิดว่าธุรกิจของคุณจะโตจากการทำงานอย่างยุ่งเหยิง ด้วยการอ่าน, การเข้าสัมมนา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น ธุรกิจที่แท้จริงจะเกิดจากการนำเสนอแผนธุรกิจที่มีประสิทธิภาพกับผู้มุ่งหวังอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเท่านั้น

4. การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญ การเข้าร่วมงานสัมมนาที่สำคัญจะเป็นเหมือนกาวที่จะเชื่อมและสร้างให้ธุรกิจคุณเติบโต, ให้การเทรนนิ่ง และทำให้คุณมุ่งมั่น ถ้ามันเป็นงานที่จัดในพื้นที่ที่ไม่ไกลนักใช้เวลาไม่มากในการเดินทางก็ควรที่จะเข้าร่วม เพราะมันจะเป็นงานที่รวมเอาระดับผู้นำที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และวิธีการที่ประสบความสำเร็จ คุณควรที่จะต้องจัดเวลาเผื่อไว้สำหรับงานเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าในตารางเวลาการทำงานของคุณ

5. จัดให้เวลากับการพัฒนาตัวเองทุกวัน การที่ธุรกิจของคุณจะเติบโตได้เร็วเท่าไรนั้นก็ขึ้นกับว่าตัวของคุณพัฒนาได้มากเท่านั้น คุณจะต้องพัฒนาทักษะทางธุรกิจ, การสปอนเซอร์, การเทรนนิ่ง, การบริหารเวลา, การสร้างองค์กร, การเป็นผู้นำที่ดี และทักษะการสื่อสาร เพื่อที่จะพัฒนาผู้อื่น คุณจะต้องพัฒนาตัวเองก่อน คุณจะต้องกำหนดช่วงเวลาในการพัฒนาตัวเองทุกวัน ส่วนมากจะกำหนดเวลาในช่วงเช้าก่อนการเริ่มงาน คุณควรจะออกกำลังกาย,ฟังเทปหรืออ่านบางสิ่งบางอย่างที่จะกระตุ้นร่างกาย,จิตใจของคุณ ลงทุนในเทป, หนังสือ, วีดีโอ หรือซีดี เพื่อการพัฒนาตัวเอง เก็บมันติดตัวหรือติดรถ เพื่อที่จะได้ใช้ได้ทันทีที่คุณพอมีเวลาว่าง อย่าใช้เวลาช่วงท้ายของวันในการดูสรุปข่าวของวันนั้น ควรที่จะเติมสิ่งที่มีค่าเข้าตัวของคุณ อย่างน้อยอ่านหนังสือที่สร้างกำลังใจให้คุณสักย่อหน้าก่อนนอนก็ยังดี

6. ต้องเป็นคนที่ถูกสอนได้ ถ้าคุณต้องการที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว คุณจะต้องถูกสอนได้ คุณจะพบว่าธุรกิจเครือข่ายมีบางอย่างที่แตกต่างจากธุรกิจแบบเดิม บางอย่างขายดีในช่องทางแบบเก่า แต่ไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย อัพไลน์ของคุณได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงาน, กลยุทธ์และเทคนิคต่างๆที่จะทำงานให้ธุรกิจเติบโต พวกเขาจะทำงานกับคุณ และสอนทุกอย่างให้คุณโดยไม่คิดเงินสักสตางค์ เรียนกับพวกเขาเถอะ เพราะนั่นคือปรจารย์อย่างดีสำหรับคุณ

7. การปฏิบัติที่ซื่อสัตย์ ธุรกิจเครือข่าย MLM เป็นธุรกิจแห่งความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์เกิดจากความไว้วางใจ การที่จะได้มาและรักษาความไว้วางใจคุณจะต้องซื่อสัตย์ คุณจะต้องไม่โกหกผู้แทนจำหน่ายหรือลูกค้าของคุณ ความซื่อสัตย์ยังหมายรวมถึงเมื่อคุณสัญญาว่าจะทำอะไรกับใคร คุณก็จะต้องทำตาม และเมื่อคุณรับปากว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมใด คุณก็จะต้องไปให้ทันเวลา ความซื่อสัตย์รวมถึงการที่คุณจะต้องไม่ไปสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังของผู้อื่น หรือพยายามที่จะขโมยผู้แทนจำหน่ายจากสายงานอื่น

8. การสร้างองค์กร ผู้แทนจำหน่ายที่ฉลาดเรียนรู้ว่าเขาควรที่จะต้องสร้างองค์กร เมื่อคุณรู้ถึงความสำเร็จที่ผ่านมาของอัพไลน์ ทำให้อัพไลน์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อพวกเขาทำงานกับผู้มุ่งหวังหรือผู้แทนจำหน่ายของคุณ บางครั้งเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวของคุณยังไม่พร้อมที่จะยอมรับเรื่องต่างๆจากคุณโดยตรง ในการที่จะสร้างองค์กรอย่างมีระบบ เพียงคุณพาผู้มุ่งหวังของคุณเข้ามาในสายงาน คุณจะได้รับการส่งเสริมให้สูงและน่าเชื่อถือ จนกว่าคุณจะประสบความสำเร็จและน่าเชื่อถือในเบื้องต้น และจะช่วยเหลือคุณจนกว่าคุณจะทำงานกับผู้แทนจำหน่ายใหม่ของคุณได้

9. ทำตามระบบ ผู้นำทราบดีว่าการที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว และมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมั่นคง จะต้องทำตามอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และตัวคุณก็จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้ผู้อื่นเลียนแบบได้ด้วย อันนี้หมายความว่าทุกคนในองค์กรของคุณใช้เครื่องมือทางการตลาด, การเข้ารับการเทรนนิ่ง และใช้วิธีการนำเสนอแบบเดียวกัน วิธีการที่จะได้มาซึ่งคนใหม่เป็นวิธีเดียวกันกับพวกเขาที่จะได้มาซึ่งคนใหม่ของพวกเขาเช่นเดียวกัน

สำหรับคนที่มีคุณลักษณะดังกล่าวแล้วข้างต้นนี้แล้ว ก็อาจจะยังไม่สามารถสำเร็จได้ เพราะมันเกิดความเข้าใจผิดของคนทั่วไปที่อาจขัดขวางเราจากการมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ได้ ความเข้าใจผิดแรกคือ เราสับสนคิดว่า ความกลัวคือความถ่อมใจ เราจึงมักพูดว่า “โอ ฉันไม่มีทางทำสำเร็จหรอก” และก็คิดว่าเรากำลังเจียมเนื้อเจียมตัว แต่นี่ไม่ใช่ถ่อมใจ แต่เป็นความกลัว เป็นการขาดความเชื่อมั่น ความเข้าใจผิดอย่างต่อมาคือ เรามักสับสนว่า ความขี้เกียจคือความพึงพอใจ ถ้าใช้ความพอใจมาเป็นข้อแก้ตัวสำหรับความขี้เกียจแล้วหล่ะก็ ใครล่ะจะเลี้ยงดูคนยากจน หรือทำอะไรเกี่ยวกับความหิวโหย ความเสมอภาค และความยุติธรรมในโลกอีก คนจะได้รับการศึกษาได้อย่างไร เด็กประถมก็จะพูดว่า “ผมเรียนรู้ที่จะพอใจอยู่แค่ประถม” แล้วก็ไม่เรียนต่อ เราต้องไม่สับสนระหว่างความขี้เกียจกับความพอใจ หากวันนี้คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความฝันและต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิต ต้องการอิสระภาพทางการเงินและเวลา โดยมีตัวเองเป็นนายจ้างกำหนดเวลาทำงานเท่าที่คุณพอใจ และใครก็ตามที่มีความฝันย่อมไม่มีแห่งใดที่คุณไปไม่ถึง ไม่มีใครหยุดฝันของคุณได้ ตราบใดที่คุณไม่ยอมหยุดมัน  “เรื่องน่าเศร้าของชีวิตไม่ได้หมายถึงชีวิตที่ไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่หมายถึง การไม่มีเป้าหมายให้ไปถึง” และนี่คือ กระบวนการเริ่มต้นทำแบบมืออาชีพอีกรูปแบบหนึ่ง

การเริ่มต้นแบบมืออาชีพ ความสำเร็จไม่มีทางลัดเพราะนี่คือ ธุรกิจของตัวคุณเอง

ผมขอแนะนำ Passport To Success คือ โปรแกรมที่สร้างความสำเร็จให้คุณอย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จใน Program มีดังต่อไปนี้

* ความฝัน (The Dream)

•  แม้คุณจะไม่สามารถประสบผลสำเร็จในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณฝันอยากจะได้ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด
   ก็คือ คุณจะไม่สามารถบรรลุสิ่งใดได้ถ้าคุณไม่ได้ฝันไว้ก่อน คุณต้องการอะไรจากธุรกิจนี้บ้าง? จง
   เขียนมันลงไป หมั่นมองทุกวันแล้วจินตนาการจนเป็นภาพที่ชัดขึ้น กำหนดเวลาไว้อย่างแน่ชัด ถ้า
   ความฝันของคุณโตพอแล้ว คุณจะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพื่อบรรลุเป้าหมาย (โดยลืมข้อเท็จจริงที่
   เป็นปัจจุบัน เช่น ความรู้น้อย พิการ ไม่มีเวลา ฯลฯ)

* รายชื่อผู้มุ่งหวัง (The List)

•  ชื่อผู้มุ่งหวังเป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดของคุณ จงเขียนรายชื่อลงไป 25 – 50 ชื่อ คุณอาจปรึกษา
   หารือ หรือของความช่วยเหลือจากผู้แนะนำ จงเรียนรู้ในการที่จะเพิ่มรายชื่ออย่างต่อเนื่อง เลือกวิธี
   เข้าพบผู้มุ่งหวังแต่ละคนของคุณตามโปรแกรม (รูปแบบดั่งเดิมของออฟไลน์)

* การนัดหมาย (The Appointment)

•  จงพยายามแยกการนัดหมายออกจากการแสดงแผนการตลาด จงใช้วิธีการเข้าพบอย่างเหมาะสม
   และทำตัวให้เป็นนักธุรกิจมืออาชีพ ผู้แนะนำจะสอนคุณอย่างถูกต้องในการที่จะใช้คำพูดเพื่อการเชิญ
   ชวน หมั่นเรียนรู้โปรแกรมและฝึกฝนจนคล่องแคล่ว แล้วสอนวิธีการลงในทีมงานของคุณ

* การแสดงแผนการตลาด (The Plan)

•  หากเลือกการนัดหมายที่เหมาะสม จะทำให้เราได้ผู้มุ่งหวังที่มีคุณภาพ แล้วจะนำไปสู่การแสดงแผน
    การตลาดที่ตื่นเต้น

•  ต้องเรียนรู้การแสดงแผนการตลาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้และหมั่นแสดงแผนงานบ่อย ๆ ครั้ง

•  จงถือเป็นข้อปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ในการกำหนดเวลานัดหมายที่จะไปติดตามผลภายใน 72 ชั่วโมง

* การติดตามผล (Follow Through)

•  กำหนดจุดมุ่งหมายเพื่อตอบข้อกังวลสงสัย ย้ำประเด็นสำคัญ และหาระดับความสนใจของผู้มุ่งหวัง

•  สอนวิธีการเริ่มต้นที่ถูกต้องให้กับผู้เริ่มต้นใหม่

•  เชิญเข้าที่ประชุมและสาธิตสินค้า เพื่อให้ผู้มุ่งหวังมีข้อมูลที่สมบูรณ์และเกิดแรงบันดาลใจ

* การทำงานในทางลึก (Working In Depth)

•  ขั้นต้น คุณควรตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะสปอนเซอร์คน 4 คนแรก แล้วสปอนเซอร์เพิ่มอีก 4 คน แล้วเพิ่ม
   ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง 20 คน

•  ใน 2-5 ขานี้ จงสร้างลึกถึง 10 ชั้น

•  จงพยายามค้นหาผู้นำ และสอนต่อให้เขาทำตาม

•  จงสร้างสัมพันธะภาพที่ดีกับทีมงานในทางลึก

* การสร้างยอด (Creating Volume)

•  จงตั้งเป้าหมายเพื่อเป็นผู้ที่ใช้สินค้า 100 %

•  จงสั่งสินค้าทุกๆ สัปดาห์รวมทั้งสินค้าที่มีในแค็ตตาล๊อค

•  จงสาธิตสินค้าต่อผู้จำหน่ายรายใหม่

•  สอนและฝึกอบรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

•  การตั้งเป้าหมายของกลุ่ม

* การพัฒนาตนเอง (myself Devekopment)

•  จะต้องเป็นคนที่สอนได้ (Teachable)

•  อ่านหนังสือที่แนะนำและเข้าร่วมประชุมหรือร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้เพื่อที่จะได้พัฒนา
    ทัศนคติ ความภาคภูมิใจและบุคลิกภาพ

•  ปรึกษาผู้แนะนำอย่างสม่ำเสมอ

* การเลียนแบบ (Duplication)

•  จงใช้และสอนโปรแกรมนี้เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

•  อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะมีการเลียนแบบจากตัวอย่างที่ดี ยกตัวอย่าง เช่น ทัศนะคติของคุณ
   นิสัยการทำงานและความร่วมมือต่อทีมงานของคุณ หรือยอดการจำหน่ายของคุณ

จงอย่าลืมว่า ต่อให้มีโปรแกรมที่สร้างความสำเร็จได้ แต่มันก็ไม่ใช่ล็อตเตอรี่ ไม่ใช่ว่าคุณจะแวะร้านสะดวกซื้อขากลับบ้าน ซื้อสลากสักใบ แล้วรอให้ความสำเร็จมาหล่นทับได้ อีกทั้งมันไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะได้เจอยามเมื่อชีวิตสุกงอมจนถึงระดับหนึ่ง ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่อยู่ปลายทาง แต่เป็นสิ่งประจำที่เกิดขึ้นได้จริง และวันนี้หล่ะ..ทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จอันแท้จริงได้ก็คือ จงสร้างมันทีละวัน

แล้วทีนี้ความจริงก็จะกลายเป็นเรื่องของความสำเร็จได้ ซึ่งความสำเร็จนั้นใช่ว่าคุณต้องมีโชค หรือเงินทอง แต่คุณต้องพึงรู้ว่า
(1) แต่ละวันนั้นคุณทำอะไร คุณก็เป็นอย่างนั้น
(2) เมื่อคุณได้สร้างนิสัยขึ้นก่อน แล้วนิสัยก็สร้างตัวคุณ
(3) การสร้างนิสัยแห่งความสำเร็จนั้นง่ายพอๆ กับสร้างนิสัยแห่งความล้มเหลว
เพียง 3 ข้อนี้ ขอบอกได้เลยว่า ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมมือจริงๆ